ยินดีต้อนรับคะ blogger นี้ เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชา 0012006 อินเตอร์เน็ตและการสื่อสารในชีวิตประจำวัน มหาวิทยาลัยมหาสารคาม

วันอังคารที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ปฏิวัติ .....รัฐประหารและกบฏ ในประวัติศาสตร์ไทย

             บ้านเมืองไทยวุ่นวายและยุ่งเหยิง ขัดแย้งกันอย่างรุนแรงมากขึ้น จากเหตุการณ์คืนวันที่ 22 กรกฎาคม 2550 ที่ต่างฝ่ายก็อ้าง "ความถูกต้อง" ของมุมมองฝ่ายตน 


          ในความขัดแย้งของอำนาจและผลประโยชน์ (ที่ไม่ใช่อุดมการณ์หรือความคิดเช่นในสมัยก่อน) ฝ่ายหนึ่งได้นำคำว่า " กบฏ " มาใช้อย่างมั่นใจ และดันนำมาใช้กับฝ่ายที่เป็นผู้รัฐประหาร และสามารถยึดครองการปกครองรัฐได้เป็นผลสำเร็จ


           คำว่า กบฏ หากจำไม่ผิด มันเป็นคำที่แสดงความหมายของ " ผู้ที่ต้องการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากกลุ่มคนชนชั้นปกครองหรือรัฐเดิม แต่ไม่ประสบความสำเร็จในการกระทำการใด ๆ  เพื่อการเปลี่ยนแปลงไปสู่จุดมุ่งหมายของตน " 

         จึงให้นึกขำในใจว่า แท้จริงแล้วบ้านเมืองของเรายังขาดความรู้ความเข้าใจ ขนาดคำว่า "กบฏ" ยังนำมาใช้เป็นเครื่องมือเชิงจิตวิทยา เพื่อแสดงให้เห็นว่า  " พวกที่ล้มล้างการปกครองและปฏิวัติ รัฐประหารนั้น เป็นพวกกบฏ หรือ(กำลังจะ)พ่ายแพ้ต่อพวกของเขาที่เป็นผู้ปกครอง(เดิม) ของรัฐ " แสดงว่า รัฐบาลของประเทศไทยในวันนี้ เป็นกบฏในสายตาของพวกเขาด้วย

          ก็ให้ยิ่งงงมากไปกว่าเดิม เพราะคนกลุ่มหนึ่งที่เรียกตัวเองว่าเป็นสื่อ " PTV" นั้น ก็เป็นสื่อสารมวลชนเฉพาะกิจ ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับพรรคการเมืองที่เคยเป็นผู้ปกครองรัฐหรือรัฐบาลเสียงข้างมากในระบอบประชาธิปไตย กลับใช้คำเหล่านี้ได้อย่างเต็มปาก ทั้ง ๆ ที่คนทั้งหมดของกลุ่มผู้ชุมนุม ถือได้ว่า ไม่เคยเป็นรัฐบาล เพราะไม่เกี่ยวข้องกับพรรคการเมืองใด(ตามที่กล่าวอ้างเองตลอดเวลา)
        การใช้คำว่า"กบฏ" ของกลุ่มผู้ชุมนุม PTV จึงเป็นการเข้าใจผิดมากไปหรือหรือเปล่า ? หรือเขาใช้คำเหล่านี้เพราะในความจริง เขาก็คือผู้เสียอำนาจรัฐ(และผลประโยชน์มหาศาล) และกำลังสารภาพว่าเป็นกลุ่มผู้ประท้วงเพื่อพรรคการเมืองที่เคยเป็นรัฐบาล เพื่อบุคคลใดบุคคลหนึ่ง โดยที่เขาไม่รู้ตัวว่า "  ประชาชน" ผู้ได้เสพการสื่อสารทั้งสองด้าน มีความคิด และไม่ได้โง่ไปเสียทั้งหมด
         การวางยุทธศาสตร์และยุทธวิธีที่หลากหลายในการทำสงครามเพื่อเอาชนะฝ่ายตรงข้ามเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องการ แต่ยุทธวิธีที่หลากหลายนั้น มันได้ย้อนกลับและมีผลกระทบใน "ความจริง"
          ความจริงที่กำลังฟ้องให้เห็นว่า จุดมุ่งหมายหรือ "อุดมการณ์"ของการประท้วงที่กล่าวอ้างนั้น  มันได้มี  ปรากฎการณ์ขัดแย้งในตัวของมันเองตลอดเวลา  ความลักหลั่นเหล่านั้นกำลังกัดกร่อน "ความเชื่อมั่น" และ" ศรัทธา"  ของผู้รักประชาธิปไตยที่ไม่ต้องการอำนาจเผด็จการทหาร ให้เห็นความจริง ......มากขึ้นทุกขณะ

          เพื่อความไม่หลงประเด็นกับคำว่า "กบฏ" จนเกินไป ในฐานะของผู้สนใจในเรื่องราวของประวัติศาสตร์ ในแง่มุมของเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในอดีตของการแย่งชิงอำนาจระหว่างกลุ่มของมนุษย์ มาเล่าสู่กันฟัง ให้เห็นถึงคำว่า การปฏิวัติ รัฐประหารและกบฏนั้น เกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อใด  ซึ่งตัวอย่างในประวัติศาสตร์คงจะบอกได้ดีว่า อะไรคือกบฏ


           ย้อนกลับไปในสมัยสุโขทัย ในฐานะของรัฐ เป็นราชธานีของบรรพบุรุษที่กลายมาเป็นคนไทยในปัจจุบันสายหนึ่ง "การปฏิวัติครั้งแรก" เกิดขึ้นเพื่อการชิงอำนาจระหว่างกลุ่มขอมพระนครและกลุ่มขอม-ไท ขอมพระนครคือสมาดโขลญลำพง ขอม-ไท คือพ่อขุนศรีนาวนำถม ขอมพระนครเข้ายึดอำนาจจากเจ้านายท้องถิ่นคือพ่อขุนศรีนาวนำถม  หลังจากการสิ้นสลายของอำนาจในศูนย์กลางที่นครธมหลังสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7
            ขอมพระนครครองอำนาจในสุโขทัยได้ระยะหนึ่ง จารึกวัดศรีชุมก็เขียนว่า พ่อขุนบางกลางหาวและพ่อขุนผาเมือง รวบรวมไพร่พลที่เมืองบางขลุงทางทิศใต้ของสุโขทัย และเข้ายึดอำนาจจากกษัตริย์สายขอมพระนครได้สำเร็จ
เป็นการปฏิวัติของคนเชื้อสายขอม - ไท - สยาม
            จึงถือว่า นี่คือเหตุการณ์ "ปฏิวัติ รัฐประหารครั้งแรก ของประวัติศาสตร์ชาติ" ส่วนสมาดโขลญลำพง ก็ยังไม่นับว่าเป็น " กบฏ"  เพราะสามารถทำการโค่นล้มสายพ่อขุนเจ้าเก่าแห่งสุโขทัยได้เช่นกัน
            ส่วนการกบฏครั้งแรกของประวัติศาสตร์ชาติ  เป็นเหตุการณ์ในจารึกหลักที่ นั่นคือการกบฏของขุนสามชน เจ้าเมืองฉอด ที่ยกพลไกรเข้ามาหมายยึดอำนาจในรัฐสุโขทัยจากพ่อขุนรามราช (กำแหง)


           แล้วในสมัยกรุงศรีอยุธยาล่ะ การปฏิวัติ รัฐประหารและการกบฏ เกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อไหร่ ?
          การปฏิวัติครั้งแรกของกรุงศรีอยุธยา ก็เริ่มทันทีทันใดเมื่อพระเจ้าอู่ทองสวรรคต พระราเมศวรขึ้นครองราชย์ ก็ถูกขุนหลวงพะงั่ว เข้ายึดอำนาจรัฐและเนรเทศพระองค์ไปลพบุรี

             ด้วยหลักฐานพงศาวดารในช่วงยุคต้นของกรุงศรีอยุธยานั้น ไม่มีบันทึกและถูกทำลายไปมาก การกบฏครั้งแรกจึงต้องยกมาอยู่ในสมัยของพระเพทราชา เรียกว่า "กบฏธรรมเสถียร"  ซึ่งธรรมเสถียรมีรูปร่างหน้าตาคล้ายกับเจ้าฟ้าอภัยทศ พระอนุชาของพระนารายณ์  ธรรมเสถียรได้รวบรวมผู้คนจากเขตพระนครใหม่อย่างลพบุรี และสระบุรี เข้าตีกรุงศรีอยุธยาอย่างลับ ๆ แต่บังเอิญความแตก จึงพ่ายแพ้ในการช่วงชิงอำนาจ
           ข้ามเวลาอย่างรวดเร็ว ....มายังสมัยหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ในปี 2475 การรัฐประหารครั้งแรกเกิดขึ้นในวันที่ 20 มิถุนายน 2476ยังไม่ทันฉลองครบปีของการยึดอำนาจจากพระมหากษัตริย์เลย.....


          

          ความขัดแย้ง อุดมการณ์ ความไม่พอในอำนาจและผลประโยชน์ นำไปสู่การรัฐประหาร "ครั้งแรก" ในระบอบประชาธิปไตย (แบบคณะราษฎร์ แบบบาง ๆ )  เป็นการปฏิวัติการเองภายในของเหล่าผู้ยึดอำนาจ โดยมีพันโทหลวงพิบูลสงครามเป็นหัวหน้า และผลักดันให้พันเอกพระยาพหลพลพยุหเสนา เป็นหน้าเสื่อ หน้าไฟ
  
      หลังจากนั้น เดือน ความไม่ชัดเจนในอุดมการณ์ของผู้ยึดอำนาจ ได้นำไปสู่การก่อการ "กบฏ" ครั้งแรก ด้วยเพราะความวิตกกังวล ในความไม่ชัดเจนนั้น จะก่ออันตรายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และประเทศชาติ


          พลเอกพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบวรเดช เสนาบดีกระทรวงกลาโหมในยุคก่อนการเปลี่ยนแปลงการปกครอง เป็นแกนหลักสำคัญในการก่อการ "ตักเตือน"  ด้วยกำลังทหารจากโคราชและหัวเมืองรอบนอก ไม่ให้คณะปฏิวัติตัวเองของคณะราษฎร์เดินนโยบายไปสู่ลัทธิ "คอมมิวนิสต์" อันจะเป็นภัยร้ายต่อสถาบันสูงสุดของชาติและประชาชน

          "กบฏบวรเดช" จึงถือเป็นกบฏครั้งแรกของประเทศสยาม หลังเปลี่ยนแปลงการปกครองมาได้ไม่นาน ซึ่งความพ่ายแพ้ของกบฏบวรเดช ในครั้งนั้น เป็นบทเรียนสำคัญของผู้ปกครองรัฐสยามในสมัยต่อมา ในความชัดเจนของนโยบายและอุดมการณ์ของรัฐบาล

  

         ผ่านมากว่า 75 ปี ของประชาธิปไตย ประเทศไทยของเราผ่านการ  " ปฏิวัติ รัฐประหาร" มาแล้ว 10 ครั้ง  (รวมทั้งล่าสุดด้วย) และผ่านการ  "กบฏ"มาถึง 12 ครั้ง

           หากยังไม่ชัดเจนทั้งยุทธศาสตร์ อุดมการณ์และเป้าหมายที่เป็นเอกภาพ และยังมีความพยายามใช้คำว่า "กบฏ" โดยละเลยถึงความหมาย ไม่สื่อสารให้ถูกต้องและใช้พร่ำเพรื่อ กับประชาชนทั่วไปผู้เป็นกลางโดยเนื้อแท้  
           
            ......ระวังนะครับ คำว่า"กบฏ" มันจะกลายเป็นคำว่า "บูมเบอแรง"หากใช้ไม่ถูกกาละเทศะ
".....เพราะฉันเป็นดั่งบูมเบอแรง            
ขว้างไปยิ่งแรง....ยิ่งกลับมาเร็ว
ขว้างไปทุกแห่ง(มั่ว) จะกลับมาที่เดิม ...."



อ้างอิง  
http://www.oknation.net/blog/print.php?id=81170


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น