เหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์อยุธยา
เหตุการณ์สำคัญต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์อยุธยา เป็นสาเหตุที่มีผลต่อความเจริญรุ่งเรืองและการเปลี่ยนแปลงในอยุธยา เราจึงควรศึกษาเกี่ยวกับเหตุการณ์สำคัญเหล่านั้น เพื่อให้เกิดความเข้าใจในภาพรวมของประวัติศาสตร์มากยิ่งขึ้น
เหตุการณ์สำคัญต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์อยุธยา เป็นสาเหตุที่มีผลต่อความเจริญรุ่งเรืองและการเปลี่ยนแปลงในอยุธยา เราจึงควรศึกษาเกี่ยวกับเหตุการณ์สำคัญเหล่านั้น เพื่อให้เกิดความเข้าใจในภาพรวมของประวัติศาสตร์มากยิ่งขึ้น
1. สงครามช้างเผือก
หลังจากพระเจ้าตะเบ็งชเวตี้ถูกกลุ่มแม่ทัพมอญลอบปลงพระชนม์ เพื่อชิงราชสมบัติ บุเรงนองซึ่งปราบกบฎสำเร็จแล้วได้ขึ้นครองราชย์เป็นพระเจ้าหงสาวดีได้ยกทัพมาตีกรุงศรีอยุธยาในปี พ.ศ. 2106 เนื่องจากสมเด็จพระมหาจักรพรรดิไม่ทรงยอมมอบช้างเผือกให้ตามที่ขอมา บุเรงนองยกทัพมาทางหัวเมืองฝ่ายเหนือผ่านด่านแม่ละเมาและตีเมืองพิษณุโลกได้ ทำให้พระมหาธรรมราชาต้องถวายสัตย์อยู่ข้างฝ่ายหงสาวดี สมเด็จพระมหาจักรพรรดิทรงยอมหย่าศึกกับพระเจ้าบุเรงนอง
จากเหตุการณ์ในครั้งนี้ ทำให้กรุงศรีอยุธยาต้องมอบช้างเผือกให้แก่พระเจ้าหงสาวดี 4 เชือก ส่วยช้างปีละ 30 เชือก เงินปีละ 300 ชั่ง ภาษีอากรที่เมืองมะริด และยอมให้นำตัวพระราเมศวร พระยาจักรีและพระสุนทรสงคราม ไปกรุงหงสาวดี บุเรงนองได้แวะเมืองพิษณุโลกและขอพระนเรศวรซึ่งขณะนั้นมีพระชนมายุ 9 พรรษา ไปเลี้ยงดูที่กรุงหงสาวดีอีกด้วย
หลังจากพระเจ้าตะเบ็งชเวตี้ถูกกลุ่มแม่ทัพมอญลอบปลงพระชนม์ เพื่อชิงราชสมบัติ บุเรงนองซึ่งปราบกบฎสำเร็จแล้วได้ขึ้นครองราชย์เป็นพระเจ้าหงสาวดีได้ยกทัพมาตีกรุงศรีอยุธยาในปี พ.ศ. 2106 เนื่องจากสมเด็จพระมหาจักรพรรดิไม่ทรงยอมมอบช้างเผือกให้ตามที่ขอมา บุเรงนองยกทัพมาทางหัวเมืองฝ่ายเหนือผ่านด่านแม่ละเมาและตีเมืองพิษณุโลกได้ ทำให้พระมหาธรรมราชาต้องถวายสัตย์อยู่ข้างฝ่ายหงสาวดี สมเด็จพระมหาจักรพรรดิทรงยอมหย่าศึกกับพระเจ้าบุเรงนอง
จากเหตุการณ์ในครั้งนี้ ทำให้กรุงศรีอยุธยาต้องมอบช้างเผือกให้แก่พระเจ้าหงสาวดี 4 เชือก ส่วยช้างปีละ 30 เชือก เงินปีละ 300 ชั่ง ภาษีอากรที่เมืองมะริด และยอมให้นำตัวพระราเมศวร พระยาจักรีและพระสุนทรสงคราม ไปกรุงหงสาวดี บุเรงนองได้แวะเมืองพิษณุโลกและขอพระนเรศวรซึ่งขณะนั้นมีพระชนมายุ 9 พรรษา ไปเลี้ยงดูที่กรุงหงสาวดีอีกด้วย
2. สงครามเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 1
หลังจากเสร็จสิ้นสงครามช้างเผือก สมเด็จพระมหาจักรพรรดิได้ปรับปรุงบ้านเมืองเพื่อเตรียมรับศึก รวมทั้งสร้างสัมพันธไมตรีกับพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชแห่งอาณาจักรล้านช้าง ซึ่งเป็นเหตุให้พระมหินทร พระราชโอรสของสมเด็จพระมหาจักรพรรดิเกิดความขัดแย้งกับพระมหาธรรมราชา เจ้าผู้ครองเมืองพิษณุโลก พระมหินทรจึงได้ให้พระเจ้าไชยเชษฐาธิราชส่งกองทัพมาช่วยตีเมืองพิษณุโลก แต่พระมหาธรรมราชาสามารถป้องกันเมืองไว้ได้
พระเจ้าบุเรงนองทรงทราบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทรงสถาปนาพระมหาธรรมราชาเป็นเจ้าประเทศราชของกรุงหงสาวดี ปกครองเมืองพิษณุโลกและหัวเมืองฝ่ายเหนือโดยไม่ขึ้นต่อกรุงศรีอยุธยา จากการขัดแย้งระหว่างพระมหาธรรมราชากับพระมหินทรทำให้ทางกรุงศรีอยุธยาอ่อนแอลง
ในปี พ.ศ. 2111 พระเจ้าบุเรงนองยกทัพใหญ่มาหมายตีกรุงศรีอยุธยาให้แตกพ่าย กองทัพพม่าล้อมกรุงศรีอยุธยาอยู่หลายเดือน แต่ก็ยังไม่สามารถเข้ายึดได้ เพราะทหารกรุงศรีอยุธยาได้ต่อสู้อย่างเข้มแข็ง เพื่อรอให้ถึงฤดูน้ำหลาก ซึ่งจะทำให้กองทัพพม่าตั้งค่ายอยู่ไม่ได้ ระหว่างที่ศึกมาประชิดกรุงนั้น สมเด็จพระมหาจักรพรรดิประชวรและเสด็จสวรรคตในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2111 พระมหินทรเสด็จขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์พระนามว่า สมเด็จพระมหินทราธิราช และทรงต่อสู้ป้องกันกรุงศรีอยุธยาต่อไป หลังจากนั้นทางพม่าได้ใช้กลอุบายให้พระยาจักรีมาเป็นไส้ศึก กรุงศรีอยุธยาจึงเสียแก่พม่าในปี พ.ศ. 2112
จากเหตุการณ์ในครั้งนี้ ทำให้สมเด็จพระมหินทราธิราชถูกจับไปเป็นเชลยที่หงสาวดี รวมทั้งข้าราชบริพารอีกจำนวนหนึ่ง และทำให้กรุงศรีอยุธยาได้กลายเป็นประเทศราชของกรุงหงสาวดีนับแต่นั้นมา ซึ่งนับเป็นการสูญเสียอิสรภาพของคนไทยเป็นครั้งแรก
หลังจากเสร็จสิ้นสงครามช้างเผือก สมเด็จพระมหาจักรพรรดิได้ปรับปรุงบ้านเมืองเพื่อเตรียมรับศึก รวมทั้งสร้างสัมพันธไมตรีกับพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชแห่งอาณาจักรล้านช้าง ซึ่งเป็นเหตุให้พระมหินทร พระราชโอรสของสมเด็จพระมหาจักรพรรดิเกิดความขัดแย้งกับพระมหาธรรมราชา เจ้าผู้ครองเมืองพิษณุโลก พระมหินทรจึงได้ให้พระเจ้าไชยเชษฐาธิราชส่งกองทัพมาช่วยตีเมืองพิษณุโลก แต่พระมหาธรรมราชาสามารถป้องกันเมืองไว้ได้
พระเจ้าบุเรงนองทรงทราบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทรงสถาปนาพระมหาธรรมราชาเป็นเจ้าประเทศราชของกรุงหงสาวดี ปกครองเมืองพิษณุโลกและหัวเมืองฝ่ายเหนือโดยไม่ขึ้นต่อกรุงศรีอยุธยา จากการขัดแย้งระหว่างพระมหาธรรมราชากับพระมหินทรทำให้ทางกรุงศรีอยุธยาอ่อนแอลง
ในปี พ.ศ. 2111 พระเจ้าบุเรงนองยกทัพใหญ่มาหมายตีกรุงศรีอยุธยาให้แตกพ่าย กองทัพพม่าล้อมกรุงศรีอยุธยาอยู่หลายเดือน แต่ก็ยังไม่สามารถเข้ายึดได้ เพราะทหารกรุงศรีอยุธยาได้ต่อสู้อย่างเข้มแข็ง เพื่อรอให้ถึงฤดูน้ำหลาก ซึ่งจะทำให้กองทัพพม่าตั้งค่ายอยู่ไม่ได้ ระหว่างที่ศึกมาประชิดกรุงนั้น สมเด็จพระมหาจักรพรรดิประชวรและเสด็จสวรรคตในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2111 พระมหินทรเสด็จขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์พระนามว่า สมเด็จพระมหินทราธิราช และทรงต่อสู้ป้องกันกรุงศรีอยุธยาต่อไป หลังจากนั้นทางพม่าได้ใช้กลอุบายให้พระยาจักรีมาเป็นไส้ศึก กรุงศรีอยุธยาจึงเสียแก่พม่าในปี พ.ศ. 2112
จากเหตุการณ์ในครั้งนี้ ทำให้สมเด็จพระมหินทราธิราชถูกจับไปเป็นเชลยที่หงสาวดี รวมทั้งข้าราชบริพารอีกจำนวนหนึ่ง และทำให้กรุงศรีอยุธยาได้กลายเป็นประเทศราชของกรุงหงสาวดีนับแต่นั้นมา ซึ่งนับเป็นการสูญเสียอิสรภาพของคนไทยเป็นครั้งแรก
3. การประกาศอิสรภาพและยุทธหัตถี
หลังจากเสร็จสิ้นสงคราม พระมหาธรรมราชาได้ปราบดาภิเษกขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยา มีพระนามว่า สมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราช ปกครองกรุงศรีอยุธยาสืบต่อมา
ต่อมาพระเจ้าบุเรงนองได้ส่งพระนเรศวรกลับคืนกรุงศรีอยุธยาหลังจากที่พระองค์ได้อยู่ที่กรุงหงสาวดีเป็นเวลา 6 ปี สมเด็จพระมหาธรรมราชาโปรดเกล้า ฯ ให้มีพระราชพิธีสถาปนาพระนเรศวรขึ้นเป็นพระมหาอุปราชและส่งไปครองเมืองพิษณุโลก และระหว่างที่สมเด็จพระนเรศวรประทับอยู่ที่เมืองพิษณุโลก พระองค์ทรงฝึกฝนไพร่พลให้เข้มแข็งในการศึกสงครามเพื่อเตรียมประกาศเอกราช
ในปี พ.ศ. 2126 พระเจ้านันทบุเรงกษัตริย์พม่า ซึ่งเป็นพระราชโอรสพระเจ้าบุเรงนอง ได้มีคำสั่งให้ทางกรุงศรีอยุธยาซึ่งอยู่ในฐานะเมืองประเทศราชส่งกองทัพไปช่วยปราบปรามเมืองอังวะที่ไม่ยอมอ่อนน้อมต่อหงสาวดี โดยให้ไปสมทบกับกองทัพของเมืองอื่นที่เมืองแครง สมเด็จพระมหาธรรมราชาโปรดเกล้า ฯ ให้สมเด็จพะนเรศวรเป็นผู้นำกองทัพไป
สมเด็จพระนเรศวรเป็นผู้ที่มีความสามารถในการรบ ทำให้ฝ่ายพม่าหวาดระแวงว่ากรุงศรีอยุธยาจะแข็งเมือง จึงหาทางกำจัดพระนเรศวร แต่พระองค์ทรงทราบแผนการนี้ก่อนจากพระยาเกียรติ์และพระยารามซึ่งเป็นขุนนางชาวมอญ สมเด็จพระนเรศวรจึงทรงประกาศอิสรภาพที่เมืองแครง ไม่ยอมเป็นเมืองขึ้นของกรุงหงสาวดีอีกต่อไป หลังจากนั้นได้กวาดต้อนผู้คนกลับกรุงศรีอยุธยา
หลังจากเสร็จสิ้นสงคราม พระมหาธรรมราชาได้ปราบดาภิเษกขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยา มีพระนามว่า สมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราช ปกครองกรุงศรีอยุธยาสืบต่อมา
ต่อมาพระเจ้าบุเรงนองได้ส่งพระนเรศวรกลับคืนกรุงศรีอยุธยาหลังจากที่พระองค์ได้อยู่ที่กรุงหงสาวดีเป็นเวลา 6 ปี สมเด็จพระมหาธรรมราชาโปรดเกล้า ฯ ให้มีพระราชพิธีสถาปนาพระนเรศวรขึ้นเป็นพระมหาอุปราชและส่งไปครองเมืองพิษณุโลก และระหว่างที่สมเด็จพระนเรศวรประทับอยู่ที่เมืองพิษณุโลก พระองค์ทรงฝึกฝนไพร่พลให้เข้มแข็งในการศึกสงครามเพื่อเตรียมประกาศเอกราช
ในปี พ.ศ. 2126 พระเจ้านันทบุเรงกษัตริย์พม่า ซึ่งเป็นพระราชโอรสพระเจ้าบุเรงนอง ได้มีคำสั่งให้ทางกรุงศรีอยุธยาซึ่งอยู่ในฐานะเมืองประเทศราชส่งกองทัพไปช่วยปราบปรามเมืองอังวะที่ไม่ยอมอ่อนน้อมต่อหงสาวดี โดยให้ไปสมทบกับกองทัพของเมืองอื่นที่เมืองแครง สมเด็จพระมหาธรรมราชาโปรดเกล้า ฯ ให้สมเด็จพะนเรศวรเป็นผู้นำกองทัพไป
สมเด็จพระนเรศวรเป็นผู้ที่มีความสามารถในการรบ ทำให้ฝ่ายพม่าหวาดระแวงว่ากรุงศรีอยุธยาจะแข็งเมือง จึงหาทางกำจัดพระนเรศวร แต่พระองค์ทรงทราบแผนการนี้ก่อนจากพระยาเกียรติ์และพระยารามซึ่งเป็นขุนนางชาวมอญ สมเด็จพระนเรศวรจึงทรงประกาศอิสรภาพที่เมืองแครง ไม่ยอมเป็นเมืองขึ้นของกรุงหงสาวดีอีกต่อไป หลังจากนั้นได้กวาดต้อนผู้คนกลับกรุงศรีอยุธยา
เรื่องเก่า - ชวนรู้ เมื่อสมเด็จพระนเรศวรประกาศอิสรภาพที่เมืองแครงแล้ว พระองค์ได้นำชาวมอญที่เมืองแครงกลับกรุงศรีอยุธยาด้วย ระหว่างเดินทัพกลับ ฝ่ายพม่าได้ส่งกองทัพติดตามมาทันกันที่แม่น้ำสะโตง สมเด็จพระนเรศวรทรงใช้พระแสงปืนยาว 9 คืบ ยิงข้ามแม่น้ำสะโตงไปถูกสุรกรรมาแม่ทัพพม่าตายคาคอช้าง ทำให้ทัพพม่าต้องถอยทัพกลับไป พระแสงปืนที่สมเด็จพระนเรศวรทรงใช้ยิงในครั้งนั้น เรียกว่า "พระแสงปืนข้ามแม่น้ำสะโตง"
หลังจากนั้นพม่ายกทัพใหญ่เข้ามารุกรานไทยอีกหลายครั้ง เพื่อจะปราบปรามกรุงศรีอยุธยา แต่ก็ถูกสมเด็จพระนเรศวรตีทัพพ่ายแพ้กลับไปทุกครั้ง จนกระทั่ง พ.ศ. 2135 พระมหาอุปราชาได้ยกกองทัพพม่ามุ่งหวังมายึดกรุงศรีอยุธยาคืนให้ได้ การทำสงครามในครั้งนี้ได้ทรงกระทำยุทธหัตถี (การต่อสู้กันด้วยอาวุธบนหลังช้าง) กับสมเด็จพระนเรศวร แต่พระมหาอุปราชาพลาดท่าเสียทีถูกสมเด็จพระนเรศวรฟันด้วยพระแสงของ้าวจนสิ้นพระชนม์บนคอช้าง ทำให้พม่าต้องถอยทัพกลับไป
จากเหตุการณ์ในครั้งนี้ ทำให้พม่าไม่ได้ยกทัพมาโจมตีกรุงศรีอยุธยาอีกเป็นเวลานาน และทำให้หัวเมืองต่าง ๆ พากันเกรงขามในความสามารถของสมเด็จพระนเรศวรและยอมกลับมาอ่อนน้อมต่อกรุงศรีอยุธยาอีกครั้ง จึงทำให้คนไทยได้อยู่อาศัยอย่างสงบสุขและปลอดภัยจากการรุกรานของศัตรูภายนอกติดต่อกันนานถึง 150 ปี
จากเหตุการณ์ในครั้งนี้ ทำให้พม่าไม่ได้ยกทัพมาโจมตีกรุงศรีอยุธยาอีกเป็นเวลานาน และทำให้หัวเมืองต่าง ๆ พากันเกรงขามในความสามารถของสมเด็จพระนเรศวรและยอมกลับมาอ่อนน้อมต่อกรุงศรีอยุธยาอีกครั้ง จึงทำให้คนไทยได้อยู่อาศัยอย่างสงบสุขและปลอดภัยจากการรุกรานของศัตรูภายนอกติดต่อกันนานถึง 150 ปี
4. สงครามเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 หลังจากได้ว่างเว้นจากการศึกสงครามภายนอกมาเป็นเวลานาน ทำให้กรุงศรีอยุธยาไม่ได้เตรียมพร้อมสำหรับการป้องกันพระนคร ในปี พ.ศ. 2295 พระเจ้าอลองพญาขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์พม่า และมีพระราชประสงค์จะขยายอาณาเขต ทรงยกกองทัพมาตีไม่สำเร็จจึงถอยทัพกลับไป และสิ้นพระชนม์ในระหว่างทางในปี พ.ศ. 2303 พระเจ้ามังระ ซึ่งเป็นพระราชโอรสของพระเจ้าอลองพญาขึ้นครองราชย์ พระองค์ทรงสั่งเดินทัพเข้ามา 2 ทาง โดยทัพแรกมอบให้เนเมียวสีหบดีเป็นแม่ทัพยกทัพมาตีหัวเมืองฝ่ายเหนือของอยุธยา แล้วให้ย้อนกลับมาตีกรุงศรีอยุธยา ส่วนทัพที่ 2 มอบให้มังมหานรธาเป็นแม่ทัพยกทัพมาตีเมืองทวายและกาญจนบุรี แล้วให้มาสมทบกับเนเมียวสีหบดีเพื่อล้อมกรุงศรีอยุธยาพร้อมกัน กองทัพพม่าล้อมกรุงอยู่นาน 1 ปี 2 เดือน ทำให้ราษฎรในเมืองอดอยากและหมดกำลังใจต่อสู้
ระหว่างที่กองทัพพม่าล้อมกรุงศรีอยุธยาอยู่นั้น พระยาตาก (สิน) เห็นว่าไม่อาจจะต่อสู้พม่าได้ จึงรวบรวมสมัครพรรคพวกประมาณ 500 คน ตีฝ่าวงล้อมของกองทัพพม่าออกไปทางทิศตะวันออกและไปตั้งอยู่ที่เมืองจันทบุรี เพื่อหาฐานที่มั่นวางแผนกลับมาตีกองทัพพม่าต่อไป
ในที่สุดฝ่ายพม่าที่ตั้งทัพล้อมกรุงศรีอยุธยาอยู่นั้นก็สามารถตีกรุงศรีอยุธยาได้สำเร็จเป็นครั้งที่ 2 ในปี พ.ศ. 2310
จากเหตุการณ์ในครั้งนี้ ทำให้บ้านเมืองสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ เพราะพม่าได้ทำลายบ้านเรือนและวัดต่าง ๆ ด้วยการจุดไฟเผา รวมทั้งกวาดต้อนผู้คนไปเป็นเชลย และนำทรัพย์สมบัติต่าง ๆ กลับไปเป็นจำนวนมาก กรุงศรีอยุธยาที่เคยเจริญรุ่งเรืองในอดีตเหลือเพียงซากปรักหักพัง
ระหว่างที่กองทัพพม่าล้อมกรุงศรีอยุธยาอยู่นั้น พระยาตาก (สิน) เห็นว่าไม่อาจจะต่อสู้พม่าได้ จึงรวบรวมสมัครพรรคพวกประมาณ 500 คน ตีฝ่าวงล้อมของกองทัพพม่าออกไปทางทิศตะวันออกและไปตั้งอยู่ที่เมืองจันทบุรี เพื่อหาฐานที่มั่นวางแผนกลับมาตีกองทัพพม่าต่อไป
ในที่สุดฝ่ายพม่าที่ตั้งทัพล้อมกรุงศรีอยุธยาอยู่นั้นก็สามารถตีกรุงศรีอยุธยาได้สำเร็จเป็นครั้งที่ 2 ในปี พ.ศ. 2310
จากเหตุการณ์ในครั้งนี้ ทำให้บ้านเมืองสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ เพราะพม่าได้ทำลายบ้านเรือนและวัดต่าง ๆ ด้วยการจุดไฟเผา รวมทั้งกวาดต้อนผู้คนไปเป็นเชลย และนำทรัพย์สมบัติต่าง ๆ กลับไปเป็นจำนวนมาก กรุงศรีอยุธยาที่เคยเจริญรุ่งเรืองในอดีตเหลือเพียงซากปรักหักพัง
อ้างอิงhttp://www.trueplookpanya.com/true/knowledge_detail.php?mul_content_id=1802
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น