“...การเปลี่ยนแปลงการปกครองตั้งแต่เริ่มแรก มีเรื่องพึงสังเกตที่ก่อความปั่นป่วนแตกร้าวและความอลเวงวิบัติในการเมืองที่เกิดขึ้นตลอดมาเป็นลำดับ นับตั้งแต่วันแรกในคำประกาศยึดอำนาจการปกครอง มีการนำคำว่า “ศรีอารยะ” อันเป็นการแฝงถึงระบอบคอมมิวนิสต์เข้ามาใช้บังหน้าเป็นปฐมฤกษ์ ครั้นต่อมาในการนำรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับชั่วคราวขึนทูลเกล้าถวาย ณ วังสุโขทัย เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2475 ในการเข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระปกเกล้า ฯ ในวาระนี้ มีบุคคลรวมตัวเป็นคณะ 9 ท่านคือ พล. ร.ต. พระยาสรยุทธเสนีย์ พ.อ. พระยาทรงสุรเดช พ.อ. พระยาฤทธิอัคเนย์ พ.ท. พระประสาทพิทยายุทธ พ.ต. หลวงวระโยธา หลวงประดิษฐ์มนูธรรม รท. จรูญ ณ บางช้าง นายสงวน ตุลาลักษณ์ กับข้าพเจ้า ก่อนที่จะเข้าเฝ้านั้น พล. ท. พระยาวิชิตวงศ์วุฒิไกร สมุหราชองครักษ์ได้นำพระราชปรารภมาบอกกล่าวให้ทราบว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวยังไม่สามารถจะเจรจากับคณะผู้เปลี่ยนแปลงการปกครองภายใต้การขู่เข็ญของรถถังได้ ขอให้ถอยพวกยานเกราะออกไปให้พ้นพระราชวัง...”
“... หลวงประดิษฐ์มนูธรรมได้นำรัฐธรรมนูญขึ้นทูลเกล้าถวาย ทรงตั้งพระทัยพิจารณาอย่างจริงจัง แต่ครั้นแล้วก็มีข้อความหลายตอนที่ข้องพระทัยยิ่งนัก จึงตรัสถามพระยาทรงสุรเดชว่า ได้อ่านรัฐธรรมนูญมาก่อนหรือเปล่า ซึ่งพระยาทรงสุรเดชกราบทูลว่าไม่ได้อ่านแล้วทรงหันมาถามข้าพเจ้าว่าได้อ่านหรือเปล่า ข้าพเจ้าก็ตอบว่าไม่ได้อ่านเช่นกันเพราะไม่ใช่หน้าที่ และท่านเจ้าคุณได้กำชับหลวงประดิษฐ์ ฯ แล้วว่าให้ร่างตามแบบอังกฤษ ซึ่งมีพระมหากษัตริย์อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ ซึ่งรับสั่งว่าต้องการจะให้เป็นเช่นนั้น แต่นี่เรื่องอะไรกันถึงกับจะต้องใช้คำว่า เสนาบดีว่า “คณะกรรมการราษฎร” ซึ่งเป็นแบบรัสเซีย แบบคอมมิวนิสต์ ทรงไม่เข้าใจว่านี่มันอะไรกัน
พระยาทรงสุรเดชรู้สึกตกตลึงอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง แล้วลุกขึ้นมาถวายคำนับว่า “ข้าพระพุทธเจ้าขอพระ
ราชทานสารภาพผิด “ข้าพระพุทธเจ้าขอพระราชทานสารภาพผิด ข้าพระพุทธเจ้ามิได้อ่านมาก่อน ดังนั้นข้าพระพุทธเจ้าขอพระราชทานอภัยและขอถวายสัตย์ว่า จะไปร่างมาใหม่ให้เป็นไปตามพระราชประสงค์ทุกประการ” สมเด็จพระปกเกล้าทรงนิ่งอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง น้ำพระเนครขุ่น รู้สึกอัดอั้นตันพระทัยอย่างยิ่ง น้ำพระเนตรไหลแล้วรับสั่งว่า “ถ้าพระยาทรงสุรเดชรับรองว่าจะเอาไปแก้ไขกันใหม่ ฉันก็จะยอมเชื่อพระยาทรง ฯ แต่อย่างไรก็ตามวันนี้หัวเด็ดตีนขาดก็ไม่ยอมเซ็น” แล้วขอให้เป็นวันที่ 27 คือต่อจากนั้นอีกสองวัน แล้วจึงสเด็จขึ้น พวกเราทุกคนต่างตกตลึงพรึงเพริดทยอยกันออกไปยืนที่ลานหน้าพระราชวัง พระยาทรง ฯ ชี้หน้าหลวงประดิษฐ์ ฯ ว่า คุณหลวงทำฉิบหายป่นปี้ ไม่ทำตามที่บอกกล่าวกันไว้ ทำอะไรไปนอกเรื่อง...”
อ้างอิง http://looktao.multiply.com/journal/item/211/211
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น